ม้าแข่งทางเรียบทั่วโลกมีระยะทางเท่าไหร่ และรายการใดวิ่งไกลที่สุด?
ม้าแข่งทางเรียบ (Flat Race) เป็นรายการแข่งขันของวงการม้าที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เป็นกีฬาที่ชมได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่รู้หรือไม่ว่าในรายการม้าแข่งแต่ละรายการจะมีคลาส และระยะทางที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งการแข่งขันตามระยะทางที่มีด้วยกันหลากหลายระยะ ซึ่งแต่ละระยะทางก็จะให้ประสบการณ์การชมที่แตกต่างกัน ซึ่งจะนำมาสู่คำถามว่า ระยะทางขนาดไหนที่เน้นความรวดเร็ว ระยะทางเท่าไหร่ที่เน้นความอดทน ซึ่งในปัจจุบันก็มีการแบ่งระดับระยะทางออกเป็น 3 กลุ่ม ให้ผู้สนใจในวงการม่าได้รู้จักกัน
Furlong หน่วยวัดในสนามม้าแข่ง
ก่อนที่จะมาทำความรู้จักด้านระยะของสนาม จะมีคำศัพท์เกี่ยวกับหน่วยวัดที่เรียกว่า Furlong ซึ่งในภาษาไทยก็จะมีทั้ง ฟอร์ลอง, เฟอร์ลอง, ฟาร์ลอง แล้วแต่การเรียก มันคือหน่วยวัดระยะทางในหน่วยจักรวรรดิ และหน่วยตามธรรมเนียมของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง 1 เฟอร์ลอง เท่ากับความยาวประมาณ 201.168 เมตร (220 หลา) หรือประมาณ 1/8 ของไมล์ และหากครบ 8 เฟอร์ลอง (1,600 เมตร) ก็จะถูกควบรวมเป็น 1 ไมล์ เฟอร์ลอง จึงเปรียบเสมือนหน่วยย่อยของไมล์ถนนในสหรัฐอเมริกา
แต่ปัจจุบันได้กำหนดเหลือเพียง 200 เมตร เพื่อให้สอดคล้องต่อการวัดระยะในระดับสากล
โดยหน่วยวัดเฟอร์ลองเป็นหน่วยวัดมาตรฐานสำหรับระยะทางในการแข่งขัน และในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหน่วยวัดระยะทางในสนามม้าแข่ง ตั้งแต่การก่อสร้าง การกำหนดจุด รวมถึงการประกาศของพิธีกรหรือผู้บรรยายการแข่งขัน เช่น “ตอนนี้เข้าสู่เฟอร์ลองสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย”
สำหรับในสนามแข่งไทยจะคุ้นเคยการประกาศของผู้ประกาศว่า “ผ่านมาถึง 200 เมตรแรกแล้ว” หรือ “ตอนนี้เข้าสู่ 200 เมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยแล้ว”
3 กลุ่มระยะทางการวิ่งในประเภท Flat Race
สำหรับระยะการแข่งขันจะไม่มีการกำหนดตายตัวว่าจะวิ่งในระยะเท่าไหร่ขอแค้่วิ่งมากกว่า 1,000 เมตร แต่จะมีการกำหนด 3 กลุ่มระยะทางการวิ่ง เพื่อให้เจ้าของม้า และจ็อกกี้ สามารถแสดงศักยภาพการขี่ม้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
สปรินต์ (Sprint) มีระยะทางโดยประมาณตั้งแต่ 5 ถึง 7 เฟอร์ลอง (ประมาณ 1,000 – 1,400 เมตร แต่ไม่เกิน 1,600 เมตร) เป็นการแข่งที่เน้นทำความเร็วสูงเป็นหลัก ใช้ระยะเวลาในการแข่งต่อรอบที่สั้น ไม่เกิน 2 – 3 นาที
ระยะกลาง (Middle Distance) มีระยะทางโดยประมาณตั้งแต่ 1 ไมล์ ถึง 1 ไมล์ 4 เฟอร์ลอง (ประมาณ 1,600 – 2,400 เมตร) เป็นการแข่งที่ผสมผสานระหว่างความเร็ว และความอดทนของม้า
ระยะไกล (Staying/Long Distance) มีระยะทางโดยประมาณตั้งแต่ 1 ไมล์ 6 เฟอร์ลอง ขึ้นไป (ประมาณ 2,800 เมตรขึ้นไป) เป็นการแข่งที่วัดความอดทนของม้า
สำหรับระยะแข่งทางเรียบที่ไกลที่สุดที่ยังคงมีการจัดแข่งในปัจจุบันคือรายการ The Jericho Cup [1] ที่ประเทศออสเตรเลีย รายการที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรายการแข่งม้าทางเรียบที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยระยะทาง 4,600 เมตร (ประมาณ 2 ไมล์ 6 ฟอร์ลอง 105 หลา) จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารม้าออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังคงจัดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
รองลงมาคือรายการแข่งขัน The Queen Alexandra Stakes [2] ซึ่งจัดขึ้นในประเทศสหราชอาณาจักร ด้วยระยะทาง 4,355 เมตร (ประมาณ 2 ไมล์ 5 ฟอร์ลอง 143 หลา) รายการนี้เป็นรายการสุดท้ายของการแข่งขัน Royal Ascot ที่มีชื่อเสียง และยังคงเป็นรายการแข่งม้าทางเรียบอาชีพที่ยาวที่สุดในสหราชอาณาจักรจนถึงปัจจุบัน
สำหรับวงการม้าแข่งในญี่ปุ่นที่มีระยะทางไกลที่สุดคือรายการ Tenno Sho (Spring) [3] ซึ่งจะจัดแข่งทุกฤดูใบไม้ผลิที่สนามเกียวโต (Kyoto Racecourse) โดยมีระยะทางไกลสุดถึง 3,200 เมตร (ประมาณ 2 ไมล์) นับเป็นการแข่งขันระดับ Grade 1 (G1) ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
สำหรับระยะทางม้าแข่งในประเทศไทย
จากข้อมูลของสนามม้าแข่งใน ราชกรีฑาสโมสร มีขนาดความยาวรอบสนามรวมกว่า 2,400 เมตร (ประมาณ 1 ไมล์ครึ่ง) เป็นระยะมาตรฐานที่สามารถครอบคลุมการแข่งม้าระยะไกลได้ แต่ในปัจจุบันจะมีเพียงแค่การแข่งแบบสปรินต์ ตั้งแต่ 1,100 / 1,200 / 1,300 เมตร แต่หากมีการแข่งขันรายการใหญ่ ก็จะมีระยะทางไกลมากกว่า 1,500 เมตร ขึ้นไป
สรุปแล้ว ระยะทางในการแข่งม้าทั่วโลกไม่ได้มีกฎตายตัว แต่ต้องมีระยะเริ่มต้นที่ 1,000 เมตรขึ้นไป และมีการแบ่งระยะมาตรฐานออกด้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่ สปรินต์ เน้นรีดความเร็วของม้าให้สูงสุด ลุ้นแซงในวินาทีสุดท้าย, ระยะกลาง เน้นแสดงศักยภาพความเร็วของม้า และความอดทนของม้า และสุดท้ายคือ ระยะไกล เน้นความทรหดอดทนของม้า และศักยภาพของจ็อกกี้ในการรับมือกับเส้นทางไกล จึงทำให้ทุกรูปแบบมอบความสนุก และข้อมูลที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ที่มา:
Post Comment