เทคนิคดูกีฬาบังคับม้า (Dressage) ให้สนุก แม้ไม่เคยเข้าวงการมาก่อนก็เข้าใจได้
ในวงการกีฬาม้านั้นมีหลากหลายประเภทให้ผู้ชมได้สนุกกับการประชันฝีมือระหว่าผู้ขี่ และม้าคู่ใจ และกีฬาแต่ละแบบต่างก็มอบประสบการณ์และความสนุกที่แตกต่างกัน อาทิ ม้ากระโดดที่ให้คุณได้ลุ้นว่าผู้ขี่สามารถพาม้าได้กระโดดสูงหรือไม่ หรือมีโอกาสชนคานหรือไม่, ครอสคันทรีที่ผู้ชมจะสนุกกับการขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวางที่หลากหลายราวกับผจญภัยจริง ๆ, ยิมนาสติกบนหลังม้า (Equestrian Vaulting) ผู้ชมจะได้ลุ้นระทึกการโชว์ลีลายิมนาสติกของผู้ขี่ม้าบนพื้นที่ที่จำกัดและไม่มั่นคงอย่างบนหลังม้า, หรือชมการแข่งขันอันตื่นตาตื่นใจของม้าโปโล ที่ทั้งสองทีมต้องแข่งตีลูกทำคะแนน
แต่สำหรับศิลปะบังคับม้า (Dressage หรือเดรสสาจ) กลับไม่มีสิ่งที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดอย่างความตื่นเต้นเร้าใจ หรือสถานการณ์ที่ชวนสะกดผู้ชมทั่วไปให้สนุกกับมันได้ ยิ่งถ้าผู้ชมไม่ได้อยู่ในวงการ เช่น ครอบครัวนักแข่ง, โค้ช, ทีมงานวงการม้า, ผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น ความรู้ด้านกฎกติกาเดรสสาจที่น้อยมาก การจะชมเดรสสาจให้สนุกนั้น แค่มาชมแบบหัวโล่ง ๆ แล้วให้บรรยากาศพาไปจึงเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำความเข้าใจให้สนุกกับการชมการแข่งขันนี้ได้ โดยเฉพาะหากมีนักกีฬาเดรสสาจทีมชาติไปแข่งบนเวทีโลก และต้องการร่วมชมร่วมเชียร์ส่งแรงใจ การมีความรู้ และเทคนิคการชมเดรสสาจขั้นพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถอิน และสนุกกับการรับชม

มีความรู้ด้านการเคลื่อนไหวของม้าขั้นพื้นฐาน
ก่อนที่จะชมศิลปะบังคับม้า จะต้องเรียนรู้จังหวะเดินหลักทั้ง 3 แบบ ได้แก่ Walk (เดิน), Trot (วิ่งเรียบด้วยความเร็วต่ำ), และ Canter (วิ่งโขยก) การที่ม้าเปลี่ยนจังหวะเดินได้อย่างราบรื่น และถูกต้องตามจุดที่กำหนดคือความยอดเยี่ยมของการแสดง อีกทั้งผู้ขี่จะต้องทรงตัวในระหว่างที่ม้ากำลังออกจังหวะการเดินทั้ง 3 แบบให้นิ่ง ดูสง่างามร่วมด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างการแข่งที่เรียกว่า “Test” จังหวะการเดินของม้าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามจุดที่กำหนด ซึ่งกรรมการ และผู้ชมก็จะได้เห็นถึงจังหวะเปลี่ยนท่าเดินของม้าว่ามีความราบรื่นเป็นธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งในบางครั้งเวลาม้าเปลี่ยนท่าจะดูมีจังหวะที่กลมกลืน ราบรื่น สง่างาม ราวกับกำลังลอยตัวเหนือพื้นได้ดีเป็นพิเศษ
หากผู้ชมเริ่มเข้าใจจังหวะการเดินหลักทั้ง 3 แบบ ผู้ชมก็จะสามารถเข้าใจจังหวะการเดินแบบยิบย่อย และซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น จังหวะการเดินแบบระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับรวบ, ขี่แบบโวลเท, ท่าทางข้าง เป็นต้น รวมถึงเข้าใจจังหวะการยกตัวของขาที่จะให้ท่วงท่าที่ดูสง่างามมากขึ้น และเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น แม้จะดูว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติของม้าอยู่บ้างก็ตาม
และที่ขาดไม่ได้ หากมีเวลาก็ควรศึกษากฎ กติกาของเดรสสาจทั้งระดับพื้นฐาน และแต่ละคลาส รวมถึงแนวทางการประเมินของกรรมการเพื่อที่คุณสามารถชมนักขี่ม้าผู้แข่งขันท่านอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบท่วงท่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การชมเดรสสาจ = การชมงานศิลปะ และการเต้นรำลีลาศคู่บนเวทีไปพร้อม ๆ กัน
การชมศิลปะบังคับม้า ให้นึกถึงการชมงานศิลปะ โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้ขี่ม้าที่แสดงถึงความเรียบร้อย สง่างาม ควบคู่กับการจับคู่โทนสีของอานและอุปกรณ์แต่งกายของม้า หรือบางคนก็อาจจะคัดสรรเครื่องแต่งกาย อานม้า อุปกรณ์ม้าให้เข้ากับสีขนของม้า ซึ่งความหมายดั้งเดิมของ Dressage คือการแต่งตัวของผู้ขี่ม้า แม้จะไม่ใช่องค์ประกอบหลัก แต่จะเป็นสิ่งที่ช่วยสะกดสายตาของผู้ชมถึงความพิถีพิถัน ความสง่างามเรียบร้อยของตัวผู้ขี่ไม่ว่าจะอยู่อิริยาบถใดก็ตาม รวมถึงยังมีผลต่อคะแนนความประทับใจของคณะกรรมการด้วย
เมื่อเข้าสู่การแข่งขัน หัวใจของการชม Dressage คือ การสื่อสารที่มองไม่เห็นระหว่างผู้ขี่กับม้า นักขี่ที่ดีจะใช้สัญญาณกับม้าที่ขี่ที่ละเอียดอ่อนมากจนผู้ชมแทบไม่เห็น (เช่น การขยับน้ำหนักตัว, แรงกดขาเล็กน้อย) และสามารถทำให้ม้าเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีการดึงบังเหียนแรง ๆ หรือใช้แส้บ่อย ๆ จนทำให้คนกับม้าดูเหมือนเป็น “หนึ่งเดียวกัน” และจะเพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น หากจังหวะการเคลื่อนไหวของม้าสามารถออกท่าที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเอง เช่น วิ่งแบบยกขาหนึ่งข้าง หรือวิ่งเข้าจังหวะเพลงบรรเลง เปรียบเสมือนการชมลีลาศที่คู่เต้นรำสามารถออกท่าเต้นได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง

หลีกเลี่ยงการพูดคุย หรือการก่อเสียงรบกวนระหว่างชม (หน้าเวที)
การชมศิลปะบังคับม้า หรือเดรสสาจ จะมีความแตกต่างจากการชมม้าแข่ง หรือม้าโปโลที่สามารถส่งเสียงเชียร์ได้ หรืออาจจะพูดคุยปรึกษากับคนข้าง ๆ ได้ แต่สำหรับการชมเดรสสาจจะไม่มีการส่งเสียง หรือทำกิจกรรมที่เกิดเสียงดังใด ๆ จนกว่าการแสดงของผู้ขี่จบลง เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่ใช้สมาธิสูง ทั้งผู้ขี่ คณะกรรมการ ไปจนถึงผู้ชมที่กำลังดูว่าผู้เข้าแข่งขันออกท่าได้หรือเสียคะแนนหรือไม่ จึงทำให้บรรยากาศการชมจะมีความตึงเครียดระดับหนึ่งจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงพักครึ่ง หรือจบการแข่งขันแล้ว
หากคุณรู้สึกว่าไม่เข้าใจในการชม และต้องการขอคำปรึกษา ควรจะขอคำปรึกษาก่อนการแข่งขัน พักครึ่ง และหลังจบการแข่งขันจะดีที่สุด ซึ่งนอกจากจะไม่รบกวนผู้ชมแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และช่วยเปิดให้คุณเข้าสังคมวงการเดรสสาจได้มากยิ่งขึ้น
การตัดสินผลแพ้ชนะ
การตัดสินผลแพ้ชนะในวงการเดรสสาจ จะขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยกรรมการให้คะแนนแต่ละท่าจาก 0 ถึง 10 (10 คือออกท่าได้สมบูรณ์แบบ, 0 คือไม่ทำเลย) และจะนำคะแนนหลังผู้แข่งจบการ Test มารวมกันแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ และประกาศผลการแข่งอย่างเป็นทางการหลังจบการแข่งแล้ว
ซึ่งผู้ชมสามารถชมการออกท่าของม้าว่ามีความสมบูรณ์แบบเป็นธรรมชาติหรือไม่ และพิจารณาในใจว่าผู้ขี่คนนี้น่าจะทำคะแนนได้เท่าไหร่ และไม่ควรชมการแข่งแค่คนใดคนหนึ่ง แต่ควรชมผู้แข่งขันคนอื่นเพื่อเปรียบเทียบการออกท่าของม้าควบคู่ด้วย แล้วประเมินว่าใครออกท่าได้ดีที่สุด แล้วค่อยรอฟังผลกรรมการอย่างเป็นทางการ
ยิ่งหากชมบ่อย ยิ่งเข้าใจกฎกติกา และทำให้คุณสนุกกับการชมยิ่งขึ้น
และหากคุณชมการแข่งขันเดรสสาจเป็นประจำ ก็จะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าการแข่งขันคลาสต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคลาสก็จะถูกกำหนดตั้งแต่ขนาดตัวม้า อายุผู้ขับขี่ ท่าที่กำหนดในการ Test ยิ่งระดับสูง การออกท่าก็จะยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น และหากเป็นการแข่งระดับโลก ก็จะมีการเลือกเพลงประกอบการแสดงไปจนถึงการแต่งการของผู้ขี่ที่วิจิตรยิ่งขึ้น

เคล็ดลับการชมศิลปะบังคับม้า (เดรสสาจ) ระดับพื้นฐานอย่างไรให้สนุก แม้คุณยังไม่เคยเข้าวงการ มีวิธีดังนี้
- ศึกษาข้อมูลการแข่งเดรสสาจ กฎกติกา คลาสการแข่ง จังหวะการเดินของม้า การตัดสินผล เป็นลำดับแรก
- ลองชมการวอร์มอัพของม้าแข่งอยู่ห่าง ๆ ให้คุณสนุกกับการชมม้าพันธุ์ต่าง ๆ ลวดลายของม้า แต่ในระหว่างนั้นยังไม่ควรเข้าใกล้ตัวม้าโดยเด็ดขาด
- พิจารณาการชมโดยดูจากบุคลิกผู้ขี่ม้า การออกจังหวะเดิน และทำการเปรียบเทียบกับผู้ขี่ม้าท่านอื่น ๆ
- จินตนาการกับจังหวะการเดินของม้า กับจังหวะการเปลี่ยนท่าของม้าไปตามเสียงเพลง โดยเฉพาะการจินตนาการถึงการชมงานศิลปะ หรือการแสดงบนเวทีที่ต้องอาศัยการตีความอย่างละเมียดละไม
- ควรนั่งชมอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนผู้อื่น
- ในระหว่างพักครึ่ง หรือจบการแข่งขัน ให้ลองผูกมิตรกับคนในวงการ เพื่อเรียนรู้ข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น
การที่คุณเข้าใจการชมศิลปะบังคับม้า (เดรสสาจ) ระดับพื้นฐาน จะช่วยให้คุณเข้าใจกฎกติกา บุคลิกผู้ขี่ ความสนุกของการออกท่า และการควบคุมที่มองไม่เห็นราวกับม้าสามารถออกท่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงได้เห็นการออกท่าของม้าที่ไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อย เช่น การก้าวขากลางอากาศ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นเสน่ห์ และความสนุกของเดรสสาจ ที่จะตราตรึงใจคุณได้เป็นอย่างดี



Post Comment