เรื่องที่ควรรู้ก่อนเปลี่ยนสีตัวถังรถ เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้สบายใจ และถูกกฎหมาย AJ_Boy, 10/10/202310/10/2023 ครั้งหนึ่งในชีวิตของเจ้าของรถ อาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนสีตัวถังเดิมให้เป็นสีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตัวถังสีเดิมมันเสื่อมสภาพ สนิมขึ้น ได้สีเดิมที่ไม่ถูกใจ หรือจะเปลี่ยนให้เป็นสีมงคลเข้ากับตัวคุณ เป็นต้น แต่การเปลี่ยนสีตัวถังไม่ใช่ว่าจะสามารถเนรมิตเป็นสีที่ดั่งใจได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย แต่ยังมีอีกหลาย ๆ สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องรู้เรื่องหลาย ๆ อย่างที่ทำให้คุณรู้สึกวุ่นวายจนหัวหมุน ตั้งแต่การดูแลรถ ยันข้อกฎหมาย เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะเปลี่ยนสีตัวถังรถเพื่อให้คุณได้สัมผัสรถสีใหม่อย่างสบายใจไร้กังวล เพิ่มความสิริมงคลโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น มาสรุปอย่างง่าย ๆ กัน ประเภทของกระบวนการทำสีรถใหม่ การพ่นสี เป็นกรรมวิธีการทำสีตัวถังรถแบบดั้งเดิม ซึ่งจะนิยมใช้สำหรับการซ่อมีสีตัวถัง ซึ่งการทำสีรถใหม่จะมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ 1K หรือ 1 Komponent จะเป็นการใช้สีระบบ 1 องค์ประกอบ หรือ 1 Component ซึ่งจะใช้เพียงแค่สีที่ผสมด้วยตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังใช้ตัวทำละลายชนิดอื่น ๆ เพื่อกำหนดระยะเวลาการแห้งของตัวสี 2K หรือ 2 Komponent จะเป็นการใช้สีระบบ 2 องค์ประกอบ แบ่งออกเป็นตัวสี 1 องค์ประกอบ และตัวเร่งปฏิกิริยาอีก 1 องค์ประกอบ ที่ได้รับการผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม เกิดเป็นปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น เพื่อควบคุมการแห้งของตัวสี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น เพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศ สีซีดจางได้ยาก กำหนดความเงางามได้ตามต้องการ OEM หรือ สีอบ คือสีที่จะแห้งตัวโดยการนำเข้าห้องอบที่อุณหภูมิสูงประมาณ 120-160 องศาเซลเซียส ซึ่งจะให้ฟิล์มเนื้อสีที่สม่ำเสมอในทุกมุม มีความแข็งแรงของชั้นฟิล์มสูง ทนทานต่อสภาพอากาศ และสารเคมี แต่ด้วยกระบวนการที่ซับซ้อน ใช้พื้นที่มากเนื่องจากต้องทำหลาย ๆ ชิ้น และต้นทุนสูง จึงทำให้กระบวนการสีอบ หรือ OEM ไม่แพร่หลายในศูนย์บริการซ่อมสีตัวถังมาก โดยจะพบได้ในโรงงานประกอบรถยนต์ของบริษัทค่ายรถมากกว่า Wrap สีตัวถัง หรือที่รู้จักกันในรูปแบบติดฟิล์มสีรถยนต์ โดยจะใช้ฟิล์ม PVC สีต่าง ๆ มาหุ้มตัวถัง ผ่านกระบวนการงานฝีมือที่มีความชำนาญ หรือหากคุณมีทักษะก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง กระบวนการดังกล่าวมีจุดเด่นที่ใช้เวลาน้อยกว่าการพ่นสีรถยนต์ มีสี และลวดลายให้เลือกมากมาย ตั้งแต่สีเงา สีด้าน ลายเคฟล่า อีกทั้งฟิล์มยังช่วยป้องกันเศษหิน สิ่งสกปรกได้ด้วย และที่สำคัญ กระบวนการลอกสีเก่าก็ไม่ยุ่งยากอีกด้วย แต่ข้อเสียก็คืออายุฟิล์มจะสั้นกว่าการทำสีตัวถัง โดยอายุฟิล์มหลังติดตั้งเสร็จจะอยู่ราว ๆ 2-3 ปี เลยทีเดียว กฎหมาย และการเปลี่ยนสีรถ การเปลี่ยนสีตัวถังรถ ไม่ว่าจะลงสีบนตัวถังโดยตรง หรือ Wrap สีตัวถัง ก็ถือได้ว่าเข้าข่ายการดัดแปลงรถ โดยเฉพาะหากเปลี่ยนสีรถยนต์มากกว่า 30% การเปลี่ยนกระโปรงหน้าหรือกระโปรงหลัง เช่น เปลี่ยนสีแต่ส่วนฝากระโปรงหน้า หรือฝากระโปรงท้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องแจ้งกรมขนส่งฯ ภายในระยะเวลา 7 วัน พร้อมทั้งเตรียมเอกสารดังนี้ เอกสารคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียนรถ) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถยนต์ หลักฐานการเปลี่ยนสีรถยนต์ เช่น ใบเสร็จยืนยันค่าจ้างทำสีรถใหม่ หรือเอกสารแบบแก้ไขสีสำหรับการเปลี่ยนสีด้วยตัวเอง เมื่อได้สีตัวถังใหม่ และเอกสารแล้ว ให้ยื่นที่กรมขนส่งฯ โดยมี 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ ยื่นคำขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ พร้อมหลักฐานที่เตรียมไว้ ยื่นผลตรวจสอบพร้อมคำขอต่าง ๆ หลังผ่านการตรวจสภาพแล้ว ดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม รอรับเอกสารคืน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ *หมายเหตุ ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ค่าแก้ไขรายการในทะเบียน 50 บาท และค่าตรวจสอบสภาพรถ 50 บาท ซึ่งหากเจ้าของรถฝ่าฝืนไม่ไปแจ้งกรมขนส่งฯ ภายใน 7 วันหลังเปลี่ยนสีตัวถัง จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 13 และมาตรา 60 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท การระบุสีรถตามกฎหมาย การแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์นั้นจะไม่ได้มีเพียงแค่เปลี่ยนสีเดียวอย่างที่คุ้นหน้าคุ้นตา เพราะในปัจจุบันมีการเปลี่ยนสีที่มากกว่าหนึ่งสีเพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ และสร้างคาแรกเตอร์เฉพาะตัว แม้แต่ค่ายรถเองก็มีการทำตัวถังสองสี เช่น ตัวถังสีหลักหลังคาสีดำ การระบุสีตามกฎหมายจึงถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อช่วยในการแยกแยะประเภท และรายละเอียดของสีรถในเอกาสรได้มากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณีด้วยกัน กรณีที่ 1 ตัวรถมี 1 สี ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงการไล่ความเข้มของเฉดสีที่แตกต่างกัน กรณีที่ 2 ตัวรถมีมากกว่าหนึ่งสี เช่น ตัวถังรถสีขาว แต่หลังคา หรือฝากระโปรงหน้ารถสีดำ ก็จะระบุเป็นสีขาว ดำ หรือถ้ามีสามสี เช่น ตัวถังรถสีขาว หลังคาดำ ฝากระโปรงแดง ก็ให้ระบุเป็น ขาว – ดำ – แดง หรือหากเป็นรถที่มีหลายสีที่ไม่สามารถระบุได้ว่าสีหลักเป็นสีใด ซึ่งลักษณะนี้จะพบได้ในรถที่เพ้นท์ลวยลายหลายสี หรือติดสติ๊กเกอร์ตกแต่งรถเกือบทั้งคัน จนส่งผลต่อการบดบังสีหลัก ก็จะระบุเป็น “รถยนต์หลายสี” กรณีที่ 3 การติดแถบสีคาด หรือทำลวดลายโดยไม่บดบังสีหลักรถ ติดสติ๊กเกอร์หรือตกแต่งสีบนตัวถังรถน้อยกว่า 30% สามารถทำได้โดยไม่ต้องแจ้งกรมขนส่งฯ และไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ในปัจจุบัน ผู้ใช้รถสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนสีตัวถังรถใหม่ได้อย่างหลากหลายทั้งแบบพ่นสีใหม่ หรือ Wrap สติ๊กเกอร์ แต่ก็ไม่ควรลืมที่จะนำไปแจ้งเปลี่ยนสีที่กรมขนส่งฯ ภายใน 7 วัน ก่อนที่จะถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท เมื่อผ่านขั้นตอนทั้งหมดนี้ได้ คุณก็จะได้เชยชมกับสีใหม่ที่ถูกใจ สีใหม่ที่มอบความเป็นมงคลแก้ผู้ใช้รถ auto other สีตัวถังรถ