บรรทุกของหนักในรถบ่อย ๆ อย่างไรไม่ให้รถพัง และปลอดภัย AJ_Boy, 14/11/202314/11/2023 ไม่ว่าจะรถเล็ก หรือรถใหญ่ นอกจากจะนำพาผู้ใช้รถ และผู้โดยสารเดินทางถึงจุดหมายแล้ว รถยังทำหน้าที่เสมือนห้องส่วนตัวของผู้ใช้รถ ไปจนถึงช่วยขนสัมภาระสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผู้ใช้รถบางคนใช้รถขนสิ่งของเพื่อเดินทางเป็นประจำ หรือเก็บของส่วนตัวไว้ในรถเกินความจำเป็น แม้ว่าจะไม่หนักมาก แต่หากทำเป็นนิสัยย่อมส่งผลเสียต่อรถในระยะยาว และอาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ ซึ่งในวันนี้จะมารวมทั้งข้อเสียของการบรรทุกของในรถยนต์ส่วนตัวมากเกินไป และหากจำเป็นต้องบรรทุกสิ่งของไปด้วยควรจะจัดแจงอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งในระยะยาว และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ข้อเสียของการมีสิ่งของในรถมากเกินไป (ฉบับรถยนต์ส่วนตัว) กินน้ำมันมากขึ้น เนื่องด้วยน้ำหนักที่มาก จะส่งผลทำให้อัตราเร่งในเวลาปกติลดลง ผู้ใช้รถจึงต้องเร่งเครื่องมากขึ้น ก็จะกินน้ำมัน หรือพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นตามไปด้วย เพิ่มการเสื่อมสภาพของช่วงล่าง และยาง เนื่องด้วยรถที่รับน้ำหนักมากเกิน ก็จะทำให้ช่วงล่าง และล้อรับน้ำหนักมากขึ้น และจะเพิ่มการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าเดิมหากมีการวิ่งเป็นประจำ ซึ่งจะมีทั้งโช้คย้วย โช้คแตก ดอกยางสึก ไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงยางระเบิดได้ ใช้ระยะเบรกมากขึ้น หรือเบรกบ่อยขึ้น เนื่องด้วยของที่บรรทุกไว้มาก ทำให้ตอนหน้ารถเบา ล้อหน้าขาดแรงยึดเกาะ และใช้ระยะเบรกมากขึ้น อีกทั้งหากต้องการขับทะนุถนอมป้องกันของที่บรรทุกเกิดไหลก็จะต้องใช้เบรกบ่อยขึ้น ส่งผลให้ระบบเบรกเสื่อมสภาพไวขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างขับขี่ เมื่อในรถของคุณบรรทุกของจำนวนมาก ของขนาดใหญ่เป็นประจำ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบดบังทัศนวิสัยด้านหลังรถ, เพิ่มโอกาสการเสียสมดุลในระหว่างขับขี่ โดยเฉพาะการเข้าโค้ง, วัตถุขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ล็อกอย่างแน่นหนา เพิ่มความเสี่ยงต่อการกระเด็นกระจาย และทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้รับอันตรายได้ ยังไม่รวมถึงของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กระจัดกระจายรบกวนการขับขี่อีกสารพัด หากไม่ได้รับการบรรจุ หรือจัดวางได้ดีพอ ของเสื่อมสภาพไวขึ้น เนื่องด้วยการจอดรถกลางแจ้ง กลางแดด หรือในช่วงฤดูร้อน ก็จะย่นระยะเวลาการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ และหากในรถคุณมีวัตถุอันตราย เช่น Power Bank, กระป๋องอัดก๊าซ, ไฟแช็ค, วัตถุไวไฟ ก็จะสะสมความร้อนจนเกิดการระเบิดได้ สุขอนามัยที่ลดลง เนื่องด้วยการบรรทุกของหนักบ่อย ๆ หรือภายในที่รกรุรัง ก็จะเพิ่มความยากต่อการทำความสะอาด และหากสะสมไว้นาน ก็จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เชื้อรา ไรฝุ่น ที่อาจจะก่ออันตรายทั้งชิ้นส่วนภายใน และสุขอนามัยในระยะยาวได้ หากจำเป็นต้องบรรทุกของ ทำอย่างไรจึงจะถนอมรถ – ลดความเสี่ยง จัดพื้นที่ห้องสัมภาระท้ายให้โล่ง และสะอาดมากที่สุด: หากคุณมีความจำเป็นต้องวางแผนบรรทุกสัมภาระจำนวนมากในรถ พื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดต่อการบรรทุกคือห้องสัมภาระท้าย ซึ่งผู้ใช้รถควรเคลียร์สิ่งของที่ไม่จำเป็น ไปจนถึงขยะและเศษฝุ่นเพื่อให้สะอาด กว้างขวาง พร้อมบรรทุกได้ทันที เตรียมกล่องอเนกประสงค์ติดรถ สายยึด และตะข่าย: สิ่งที่ผู้ใช้รถควรมีติดตัวอย่างหนึ่งคือกล่องอเนกประสงค์น้ำหนักเบา แข็งแรง และกันน้ำ สำหรับจัดวางสิ่งของที่สกปรก หรือถุงอาหารสด ไปจนถึงสิ่งของที่แตกได้ง่ายเพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันการเลอะเทอะในตัว นอกจากนี้ก็อาจจะหากระเป๋าแขวนเบาะหลัง ถังขยะขนาดเล็กติดไว้ในรถเพื่อเพิ่มช่องเก็บของ – ขยะให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น อีกทั้งผู้ใช้รถควรติดตะข่ายคลุมของ และสายยึดสำหรับล็อกสิ่งของให้อยู่กับที่มากขึ้นด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของเกิดการเคลื่อนย้ายระหว่างขับขี่ เข้าโค้ง หรือเบรกกะทันหัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับสิ่งของ และผู้อยู่ในรถ คาดเข็มขัดให้ด้วย: หากคุณไม่มีพื้นที่วางของด้านหลังมากพอ หรือสิ่งของมีความจำเป็นต้องวางไว้บนเบาะ ก็ควรจะหาสายรัดให้อยู่กับที่มากที่สุด ซึ่งสายรัดดังกล่าวคือ “เข็มขัดนิรภัย” โดยการคาดนั้นก็เหมือนคาดเข็มขัดตามปกติ ซึ่งนอกจากช่วยยึดของให้อยู่กับที่เพิ่มความอุ่นใจแล้ว รถบางรุ่นจะมีระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยซึ่งจะส่งเสียงร้องตลอดเวลาหากมีน้ำหนักกดทับลงเบาะ จัดของให้อย่าบังทัศนวิสัย: สำหรับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวขนของสำหรับส่งพัสดุ หรือสิ่งของขนาดใหญ่ ต้องระลึกไว้ว่าไม่ควรสูงจนบังกระจกมองหลัง หรือหน้าต่างรถด้านหลัง เพื่อให้คุณสามารถมองทัศนวิสัยด้านหลังในเวลาถอยจอด หรือสังเกตรถที่วิ่งตามหลังก่อนเปลี่ยนเลน หากจะวางของบนพื้นรถ: ในกรณีที่ไม่ซีเรียสการเปื้อนสิ่งสกปรก การวางของไว้บนพื้นก็ช่วยให้สามารถยึดสิ่งของให้อยู่กับที่ได้ดี แต่ทางที่ดีควรจะเป็นกล่องใหญ่ ๆ แพ็คสี่เหลี่ยม หรือควรมีกล่องอเนกประสงค์เพื่อป้องกันของที่สามารถกลิ้งไปมาได้ เช่น ขวดน้ำ ขวดสารเคมี กระป๋อง รองเท้า ลูกบอล ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้กลิ้งหายไป หรือกลิ้งไปขัดกับรางเลื่อน ไปจนถึงน้ำหรือสารเคมีไหลลงบนพื้นรถที่เสี่ยงทำให้รถเสียหายได้ และที่สำคัญ ไม่ควรวางสิ่งของใต้เบาะคนขับโดยเด็ดขาด เพราะวัตถุที่กลิ้งไปมาอาจจะไปสามารถขัดแป้นเหยียบ หรือเผลอเหยียบพลาดจนเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ เช็คน้ำหนักของคุณ – ผู้โดยสารทุกครั้ง: เนื่องด้วยรถแต่ละประเภทจะรองรับน้ำหนักบรรทุกที่แตกต่างกัน และน้ำหนักที่บรรทุกจะรวมถึงน้ำหนักผู้ใช้รถ และผู้โดยสารไปด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณที่เหลือในการบรรทุกได้ ซึ่งหากบรรทุกของไม่เกินน้ำหนักลิมิต ก็จะช่วยถนอมทั้งช่วงล่าง ยาง และควบคุมการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงหรือพลังงานได้ และถ้ายิ่งลดการบรรทุกมาเกท่าไหร่ ก็จะยิ่งประหยัดน้ันหรือพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น หมั่นทำความสะอาด และเก็บให้เรียบร้อยทุกสัปดาห์: ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ หากมีเวลาก็เตรียมวางแพลนทำความสะอาดภายในทุกสัปดาห์ เพื่อเคลียร์ของที่ไม่จำเป็น และทำความสะอาดให้เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นภายในห้องโดยสาร หรือสัมภาระที่พกติดตัวไว้เพื่อให้มีสุขอนามัยที่ดีขึ้น ไม่สะสมเชื้อโรค เชื้อรา และการอับชื้นในห้องโดยสาร เรื่องการเก็บของ หรือบรรทุกสัมภาระไว้ในรถแม้จะเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปของการใช้รถยนต์ แต่ก็มีสิ่งที่ละเอียดอ่อนที่ผู้ใช้รถต้องให้ความใส่ใจเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น การคำนวณน้ำหนักและความสูง การยึดอุปกรณ์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการจัดการเคลียร์ของภายในให้เรีบร้อยเพื่อสุขอนามัย หากดูแลรักษาและการจัดการภายในให้เป็นระเบียบ เป็นกิจวัตร ก็จะช่วยคุณทั้งความปลอดภัย การดูแลรถยนต์ และดูแลสิ่งของที่บรรทุกไปกับคุณให้ใช้ได้ยาวนานหรือสวยงามไม่เสียหาตลอดระยะทางการขนส่ง auto other ความรู้ดูแลรถยนต์